บทที่ 8
ที่เรียกว่าก้าวหน้า
"ข้าพเจ้าคิดว่าความก้าวหน้าอยู่อยู่ที่การแสวงหา
ความรู้เพิ่มเติมไม่มีที่สิ้นสุด
เพื่อให้ตนเองเป็นคนทันสมัย และทันดลกอยู่เสมอ
และถ่ายทอดความรู้ให้ผู้อื่นอีกด้วย
ชื่อเสียงและความสรรเสริญเยินยอข้าพเจ้าไม่ปราถนา
แต่ต้องการทำงานเพื่ออุดมคติมากกว่าเพื่อเงิน
แม้เงินจะน้อยแต้ถ้ามีโอกาสก้าวหน้าในทางความรู้
ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว"
ที่เรียกว่าก้าวหน้า
เมื่อรถแล่นผ่านโรงภาพยนตร์ ใครคนหนึ่งก็ร้องขึ้นว่า "นั่นแนะ! เรื่องของ 'พรรณลักษมี' เข้าฉายแล้ว คืนนี้ฉันเห้นจะต้องมาดูเสียแล้ว"
"ฉันก็เหมือนกัน" อีกคนหนึ่ง "เป็นแฟน 'พรรณลักามี' อ่านเรื่องนี้ในหนังสือแล้วยังติดใจไม่หาย มาทำเป้นภาพยนตร์คงจะมีชีวิตชีวาอีกไม่น้อย''
คำว่า ''ก้าวหน้า'' ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงย้อนหลังไปถึงเมื่อครั้งก่อนสมัยที่เราสามคน ลักษษมี วีณา และข้าพเจ้า ยังเรียนอยู่ในชั้นอุดมศึกษา ปีสุดท้ายของการเรียน เราเกิดสงสัยกันขึ้นว่า ใครจะก้าวหน้ามากกว่าใครเวลาที่ออกไปประกอบอาชีพ ข้าพเจ้าเองเป็นผู้ถามว่าที่เรียกว่าก้าวหน้าคืออย่างไร
ลักษมีตอบทีนทีว่า
''สำหรับฉัน ความก้าวหน้าคือความมีชื่อเสียงเกียรติยศปรากฎเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป คนเราถ้าเกิดมาเป็นเพียงคยเล็กๆคยหนึ่งที่ไม่มีใครกล่าวขวัญถึงอย่างย่กย่องแล้ว ก็นับว่าเสียชาติ''
วีณาตอบว่า
''ความก้าวหน้าของฉันอยู่ที่เงิน ฉันไม่เห็นแคร์ว่าจะไม่ชื่อเสียงหรือเปล่า มีใครรู้จักหรือไม่ ขอให้ฉันได้ทำงานในหน้าที่ดีๆ และมีหวังจะได้เงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็พอแล้ว เพราะว่าเงินคือหลักฐานที่มั่นคงสำหรับประกันชีวิตในอนาคต ถ้าเงินไม่เพียงพอเราจะมีชีวิตอยู่ให้อย่างไร''
ข้าพเจ้าคิดว่าความก้าวหน้าอยู่ที่การแสวงหาความรู้เพิ่มเติมไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อให้ตนเองเป็นเป้นคนทันสมัย และทันโลกอยู่เสมอ และเพื่อถ่ายทอดความรู้ให้ผู้อื่นอีกด้วย ชื่อเสียงและความสรรเสริญเยินยอข้าพเจ้าไม่ปรารถนา แต่ต้องการทำงานเพื่ออุดมคติมากกว่าเพื่อเงินแม้เงินจะน้อยแต่ถ้ามีโอกาสก้าวหน้าในทางความรู้ ข้าพเจ้าก็พอแล้ว
เมื่อจบการศึกษา ลักษมีไปสมัครทำงานหนังสือพิมพ์และฝึกฝนตนเองให้เป็นนักเขียน นั่นเป็นขั้นแรกของการแสวงหาชื่อเสียงข้าพเจ้ได้ข่าบ่อยครั้งว่าลักษมีย้ายจากหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ไปอยู่ฉบับนั้น จากฉบับนั้นไปโน้น ลักษมีทำหน้าที่เป็นนักข่าว เป็นช่างภาพในตัวเสร็จ และเริ่มงานเขียนหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจ เธอเริ่มจากเขียนเรื่องสั้นและนวนิยายที่สะท้อนภาพชีวิตจริง แต่ก็ปรากฎว่าไม่เป็นที่นิยม ลักษมีจึงเปลี่ยนแนวการเขียนใหม่ เธอเริ่มเขียนนวนิยายเสียดสีสังคม ได้รับความนิยมอยู่พักเดียว คนอ่านก็เกิดเบื่อหน่าย ลักษมีจึงเปลี่ยนมาเขียนนวนิยายเบาสมองเต็มไปด้วยความเพ้อฝันซึ่งในชีวิตจริงไม่มีวันจะเป็นไปได้ และคราวนี้นวนิยายของเธอได้รับการต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่งจากเด็กวัยรุ่นและจากคนที่เบื่อหน่ายชีวิตจริงของตนเอง เรื่องของลักษมีได้รับการถ่ายทำภาพยนตรืหลายเรื่อง เธอเป็นผู้ที่ก้าวหน้าในด้านชื่อเสียงอย่างแท้จริง
''ความก้าวหน้าของฉันอยู่ที่เงิน ฉันไม่เห็นแคร์ว่าจะไม่ชื่อเสียงหรือเปล่า มีใครรู้จักหรือไม่ ขอให้ฉันได้ทำงานในหน้าที่ดีๆ และมีหวังจะได้เงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็พอแล้ว เพราะว่าเงินคือหลักฐานที่มั่นคงสำหรับประกันชีวิตในอนาคต ถ้าเงินไม่เพียงพอเราจะมีชีวิตอยู่ให้อย่างไร''
ข้าพเจ้าคิดว่าความก้าวหน้าอยู่ที่การแสวงหาความรู้เพิ่มเติมไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อให้ตนเองเป็นเป้นคนทันสมัย และทันโลกอยู่เสมอ และเพื่อถ่ายทอดความรู้ให้ผู้อื่นอีกด้วย ชื่อเสียงและความสรรเสริญเยินยอข้าพเจ้าไม่ปรารถนา แต่ต้องการทำงานเพื่ออุดมคติมากกว่าเพื่อเงินแม้เงินจะน้อยแต่ถ้ามีโอกาสก้าวหน้าในทางความรู้ ข้าพเจ้าก็พอแล้ว
เมื่อจบการศึกษา ลักษมีไปสมัครทำงานหนังสือพิมพ์และฝึกฝนตนเองให้เป็นนักเขียน นั่นเป็นขั้นแรกของการแสวงหาชื่อเสียงข้าพเจ้ได้ข่าบ่อยครั้งว่าลักษมีย้ายจากหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ไปอยู่ฉบับนั้น จากฉบับนั้นไปโน้น ลักษมีทำหน้าที่เป็นนักข่าว เป็นช่างภาพในตัวเสร็จ และเริ่มงานเขียนหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจ เธอเริ่มจากเขียนเรื่องสั้นและนวนิยายที่สะท้อนภาพชีวิตจริง แต่ก็ปรากฎว่าไม่เป็นที่นิยม ลักษมีจึงเปลี่ยนแนวการเขียนใหม่ เธอเริ่มเขียนนวนิยายเสียดสีสังคม ได้รับความนิยมอยู่พักเดียว คนอ่านก็เกิดเบื่อหน่าย ลักษมีจึงเปลี่ยนมาเขียนนวนิยายเบาสมองเต็มไปด้วยความเพ้อฝันซึ่งในชีวิตจริงไม่มีวันจะเป็นไปได้ และคราวนี้นวนิยายของเธอได้รับการต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่งจากเด็กวัยรุ่นและจากคนที่เบื่อหน่ายชีวิตจริงของตนเอง เรื่องของลักษมีได้รับการถ่ายทำภาพยนตรืหลายเรื่อง เธอเป็นผู้ที่ก้าวหน้าในด้านชื่อเสียงอย่างแท้จริง
ส่วนวีณาไปสมัครทำงานกับชาวต่างชาติ เธอเปลี่ยนงานบ่อยมาก
จากบริษัทการค้าย้ายไปบริษัทการบิน
จากบริษัทการบินย้ายไปประจำองค์การต่างประเทศ เขามีรายด้ายงามจากงานที่ทำและสะสมเงินไว้ได้มากมายสมดั่งใจที่ตั้งไว้
สำหรับข้าพเจ้า ก็ได้เลือกงานครูมาตั้งแต่ต้นจนกระทั่งบัดนี้ในด้านการเงินข้าพเจ้าไม่อาจเทียบกับทั้งสองได้ ในด้านชื่อเสียงก็ไม่มีใครรู้
แต่วิชาความรู้ข้าพเจ้าได้พากเพียรศึกษาต่อจนได้ปริญญาสูงขึ้น สมบัติของข้าพเจ้าจึงมีเพียงงานวิจัย ซึ่งตนเองไม่มีทุนทรัพย์ที่จะจัดพิมพ์ได้ แต่อย่างไรก็ตาม
ความรู้ของข้าพเจ้าเป็นที่ยอมรับว่าใช้การได้
ทุกๆปีจะได้รับเลือกเป็นเจ้าหน้าที่แผนกการข่าวสารต่างประเทศ
ทุกครั้งมีการประชุมใหญ่จะมีชาวต่างชาติมาจำนวนมาก
ใครจะก้าวหน้ามากกว่ากัน ดูเหมือนจะหาคำตอบได้ยากแต่ความก้าวหน้าที่สมบูรณ์ที่สุดก็คงจะได้แก่ชื่อเสียง เงิน
และ วิชาความรู้
แต่คนเรามักจะต้องเลือกเอาอย่างเดียว ถ้าโชคดีก็ได้เพียงสองอย่าง คุณเล่าจะเลือกแบบไหน
ข้อคิดจากเรื่อง
เรื่อง
ที่เรียกว่าก้าวหน้า
เป็นผลงานเขียนของศุทธินีซึ่งเป็นนามปากกาของศาสตราจารย์กิตติคุณสุทธิลักษณ์ อำพันวงศ์
ในเรื่องนี้ผู้เขียนนำคำว่า ก้าวหน้า
มาเป็นประเด็นเพื่อให้ผู้อ่านวิเคราะห์คามคิดเห็นที่แตกต่างหลายมุมมอง
จบเรื่องด้วยการสรุปสาระที่ได้เสนอมาทั้งหมดและกระตุ้นให้ผู้อ่านนำไปคิดต่อเพื่อตัดสินใจเลือกรูปแบบก้าวหน้าของตนเอง
บทความ
เรื่อง ที่เรียกว่าก้าวหน้า
เป็นงานเขียนประเภทบทความ งานเขียนที่เป็นบทความมีคำเรียกต่างๆ หลายคำ มีลักษณะต่างกันไป แต่การแบ่งระหว่างชื่อเรียกงานเขียนลักษณะหนึ่งกับอีกลักษณะหนึ่ง อาจไม่เด่นชัด เช่น
บทความอธิบายกับบทความสารคดี อาจแยกจากกันไม่ได้เด็ดขาดอย่างไรก็ตาม งานเขียนบทความ เป็นงานที่ทุกคนทำได้ไม่ยาก และเป็นงานที่ควรฝึก เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนและการทำงาน
เรื่อง ที่เรียกว่าก้าวหน้า เป็นบทความแสดงความคิดเห็น คือบทความที่ผู้เขียนเสนอความคิดเห็น
เรื่องที่นำมาเขียนเป็นบทความแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องใดก็ได้ เช่น
เรื่องเกี่ยวกับการศึกษา การทำมาหากิน ฯลฯบทความที่เป็นคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ นิตยสาร
วารสารทั่วไป
มักเป็นบทความแสดงความคิดเห็น
ลักษณะและวิธีการเขียนมีหลายแบบแล้วแต่ความถนันของผู้เขียน เช่น
บางคนชอบเขียนแบบงานสร้างสรรค์เป็นนิทาน
แต่บางคนเขียนแบบเรื่องเล่า
เรื่อง ที่เรียกว่าก้าวหน้า
เป็นบทความแสดงความคิดเห็นที่นักเรียนอาจใช้เป็นแบบอย่างได้แบบหนึ่ง
การประเมินคุณค่าของบทความ
การพิจารณาคุณค่าของบทความ
โดยทั่วไปมักพิจารณาจากจุดมุ่งหมายและการนำเสนอเนื้อหาของบทความนั้นๆ
หรือประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองหรือแก่สังคมส่วนรวม การประเมินคุณค่าบทความมีหลักเกณฑ์ทั่วไป ดังนี้
๑.มีเนื้อหาสาระที่ให้ความรู้หรือความคิดอันเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน
๒.เสนอข้อมูลที่ถูกต้อง
เป็นความจริง มีหลักฐานอ้างอิงที่เชื่อถือได้
๓.นำเสนอเรื่องราวที่เป็นธรรม
การอ้างเหตุผลถูกต้อง
๔.แสดงความคิดเห็นและเสนอวิสัยทัศน์ได้อย่างน่าสนใจ
๕.ใช้ภาษาถูกต้อง
มีความชัดเจน อ่านเข้าใจง่าย สอดคล้องกับเรื่องราวที่นำเสนอ
๖.มีกลวิธีในการนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจ
ชวนให้ติดตามอ่าน
เรื่อง
ที่เรียกว่าก้าวหน้า เป็นบทความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความหมายของคำว่า
ก้าวหน้า โดยมีบุคคล ๓ คน คือ ลักษมี วีณา
และตัวผู้เขียนแสดงความคิดเห็นตามมุมมองของตนให้ผู้อ่านได้พิจารณา
ความคิดเห็นซึ่งแตกต่างกันนั้น ทั้งนี้
ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมของแต่ละคนซึ่งส่งผลต่อการดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพและความสำเร็จในชีวิตของคน
ลักษมี
ให้ความสำคัญแก่ชื่อเสียงเกียรติยศ ลักษมีจึงมุ่งมั่นแสวงหาแนวทางอันจะทำให้ตนประสบความสำเร็จตามที่หวังไว้
โดยเริ่มจากการเป็นนักเขียนข่าวประจำสำนักพิมพ์หลายแห่ง
แล้วพัฒนาตนเองเป็นนักเขียนเรื่องสั้น ในที่สุดก็ประสบคววามสำเร็จเป็นนักเขียนนวนิยายแนวเพ้อฝันเบาสมอง
วีณา ให้ความสำคัญแก่ความมั่นคงในชีวิต คือ
ต้องมีเงินมากๆ ต้องมีอาชีพที่ดีเพื่อให้มีรายได้สูงๆ วีณาเปลี่ยนงานบ่อยมากเพื่อให้ได้งานที่มีรายได้สูงกว่าเดิม
ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ มีอาชีพที่มั่นคง และมีรายได้มาก
ส่วน ตัวผู้เขียน
ให้ความสำคัญแก่การได้ทำงานที่ตนรัก มีโอกาสแสวงหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อให้เป็นคนทันสมัย
ได้ศึกษาเพิ่มเติมความรู้ในระดับที่สูงขึ้นและมีผลงานเป็นที่ยอมรับของบุคคลในวงการอาชีพของตน
บทความเรื่องนี้ นอกจากเนื้อหาสาระดี
ให้ข้อคิดแก่ผู้อ่านแล้ว ยังมีวิธีการเขียนที่น่าสนใจ ชวนอ่าน เพลิดเพลิน
ชวนให้ติดตามอ่านแต่ต้นจนจบ
ความก้าวหน้าที่สมบูรณ์แบบที่สุด ก็คือชื่อเสียงเกียรติยศ เงินทอง
และวิชาความรู้ โดยทิ้งปริศนาที่เป็นคำถามเพื่อกระตุ้นให้ผู้อ่านนำไปคิดและตัดสินใจ
ผู้เขียนยังบอกอีกว่ายากยิ่งนักที่คนเราจะโชคดีได้ความก้าวหน้าทั้ง ๓
อย่างแต่โดยทั่วไปมักจะเลือกได้เพียงอย่างไดอย่างหนึ่งเท่านั้น